รู้จัก ‘ไวอากร้า’ แต่ละชนิดก่อนเสริมทัพจัดหนัก
HIGHLIGHTS
MINS. READ
- กลไกของยาไวอากร้านั้นเกิดจากการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยอาศัยสารไนตริก ออกไซด์ ขยายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง คงความแข็งตัวของอวัยวะเพศด้วยสารจีเอ็มพี (Cyclic Guanosine Monophosphate)
- สำหรับผู้หญิงที่มีความผิดปกติทางเพศ และอยากใช้ยาไวอากร้าของเพศหญิง งานวิจัยพบว่า การใช้ยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 ไม่ได้ผลชัดเจน เพราะไม่เพิ่มความต้องการทางเพศ
- กระนั้นในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ถึงจุดสุดยอดจากการใช้ยารักษาภาวะซึมเศร้ากลุ่ม SSRI เมื่อใช้ไวอากร้ากลับทำให้ถึงจุดสุดยอดและมีความสุขมากขึ้น
ได้ยินเรื่องของไวอากร้ากันมานานแสนนาน โด่ไม่รู้ลม หลายขนานมีมากมายในตลาด แต่รู้ไหมว่า ‘ไวอากร้า’ (Viagra) คืออะไร และในยุคปัจจุบันมียาอะไรที่อยู่ในหมวดของไวอากร้าที่ถูกกฎหมายบ้าง ไปทำความเข้าใจและรู้จักไวอากร้ากันดีกว่า
ในบรรดาความผิดปกติทางเพศของฝ่ายชาย (Sexual Dysfunction) อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรืออีดี (Erectile Dysfunction) เป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉลี่ยพบร้อยละ 16 ในชายอายุต่ำกว่า 30 ปี และ 50-59 ปี พบร้อยละ 7 และ 18 เพิ่มเป็นร้อยละ 37 เมื่ออายุ 70-75 ปี
ขณะที่ความต้องการทางเพศลด (Decreased Libido) โดยมีการพบว่าร้อยละ 5-15 การหลั่งผิดปกติ เช่น หลั่งเร็วหรือหลั่งช้า พบร้อยละ 4 โดยร้อยละ 30 จะมีอีดีร่วมด้วย ซึ่งอีดีนั้น นอกจากรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และแก้ไขสาเหตุแล้ว ยาที่แนะนำรักษาเป็นอันดับหนึ่ง (First line drug) คือ ยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 (Phosphodiesterase-5 inhibitors) รู้จักกันดีในนามของ ‘ไวอากร้า’ ซึ่งเป็นชื่อยายี่ห้อหนึ่งนั่นเองค่ะ
กลไกของไวอากร้านั้นเกิดเนื่องจากการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยอาศัยสารไนตริก ออกไซด์ ขยายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง คงความแข็งตัวของอวัยวะเพศด้วยสารจีเอ็มพี (Cyclic Guanosine Monophosphate)
ซึ่งฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 ทำลายสารจีเอ็มพี จึงทำให้อวัยวะเพศอ่อนตัวลง ส่วนไวอากร้านั้นเป็นยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 เมื่อจีเอ็มพีไม่ถูกทำลาย อวัยวะเพศจึงคงแข็งตัวนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม การแข็งตัวตอนแรกหาใช่ว่านกเขาขันแล้วสามารถลุยศึกได้เลยเสียเมื่อไร อ%E
ซื้อยารักษาหย่อนสมรรถภาพฯ ไม่มีใบสั่งยาได้หรือไม่
ซื้อยารักษาหย่อนสมรรถภาพฯ ไม่มีใบสั่งยาได้หรือไม่?(6)
ทำไมยายับยั้งพีดีอี-5 อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพถ้ารับประทานยาโดยปราศจากใบสั่งยาของแพทย์
สิทธิบัตรของบริษัทยาซิลเดนาฟิล(Sildenafil) ซึ่งมีชื่อการค้าว่าไวอากร้า (Viagra) หมดอายุแล้วในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 หมายความว่ายาสามัญ (Generic drugs) ของยาซิลเดนาฟิลสามารถออกขายตามร้านยา โดยต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ บริษัทยาไวอากร้าจึงพยายามที่จะทำให้ยาไวอากร้าพร้อมผ่านเคาน์เตอร์ยา แต่สิ่งเหล่านี้ยังเป็นไปไม่ได้ ยาไวอากร้า เป็นยาต้นแบบ (Original drugs) ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ในสหรัฐอเมริกาสำหรับการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว นอกจากนี้มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีความผิดปกติของการแข็งตัวของอวัยวะเพศอย่างรุนแรง ต้องรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วยการฉีดยาเข้าองคชาต ยายับยั้งพีดีอี-5 เป็นยาเม็ดรับประทาน ซึ่งหมายความว่า อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์เมื่อมีการใช้ยาร่วมกับยาอื่น ๆ การรับประทานยายับยั้งพีดีอี-5 ระหว่างการรักษาด้วยยาไนเตรต (nitrates) อาจเพิ่มผลของการลดความดันโลหิตมากขึ้นซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย แพทย์จะระบุว่าการรับประทานยายับยั้งพีดีอี-5 จะปลอดภัย สำหรับผู้ป่วยหรือไม่และตามผลของการใช้เป็นตามความต้องการหรือไม่
ผู้ป่วยสามารถซื้อยายับยั้งพีดีอี-5 ได้ถูกต้องตามกฎหมายได้หรือไม่?
ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยายับยั้งพีดีอี-5 โดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ อย่างไรก็ตามในต่างประเทศคือประเทศสหราชอาณาจักรเริ่มมีการเสนอแนวคิดวิธีที่ปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมายในการรับยายับยั้งพีดีอี-5 โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาล่วงหน้าจากแพทย์ก่อน เพียงแค่กรอกแบบสอบถามพื้นฐานทางการแพทย์แบบสั้นในระหว่างการให้คำปรึกษาออนไลน์ แพทย์ที่ลงทะเบียนในประเทศสหราชอาณาจักร จะเป็นผู้ประเมินผลการตอบแบบสอบถามนี้เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ยายับยั้งพีดีอี-5 จะปลอดภัยสำหรับสุขภาพของผู้ป่วยเนื่องจากยาต้นแบบ (Original drugs) ไวอากร้าของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ในสหรัฐอเมริกาต้องการใบสั่งยาที่ถูกต้องทางเวชปฏิบัติของการแพทย์ในการประเมินใบสั่งซื้อยาของผู้ป่วย และถ้าปลอดภัยก็จะได้รับอนุญาตการออกใบสั่งยา ร้านยาในกรุงลอนดอนจะจัดส่งยาในบรรจุภัณฑ์ที่มิดชิดเหมือนปกติทั่วไป ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องไปพบแพทย์หรือเภสัชกรของร้านยา เนื่องจากความประหม่าหรือความอาย หากการปรึกษาหารือออนไลน์เสร็จสิ้นก่อนเวลา 16.00 น. (จันทร์-ศุกร์) ยาจะถูกจัดส่งในวันเดียวกันและโดยปกติจะได้รับยาในวันรุ่งขึ้น
จากแนวคิดดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมากต่อองค์การอาหารและยาของประเทศ ไทย ในการพิจารณาอนุญาตให้มีการซื้อขายยายับยั้งพีดีอี-5 โดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ และจะมีแนวทางป้องกันไม่ให้มีผลอันตรายต่อผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจากการรับประทานยายับยั้งพีดีอี-5 โดยไม่มีความรู้ในการใช้ยาดังกล่าวได้หรือไม่ ตลอดจนจะเป็นผลดีหรือไม่ ในการลดยาปลอมในตลาดมืดหรือการแอบขายยาพีดีอี-5 ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งการแอบแฝงยายับยั้งพีดีอี-5 ในอาหารเสริมต่าง ๆ
ขอบคุณที่มาจาก dailynews
สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ ยาไวอากร้า (Viagra)

ยากลุ่ม PDE-5 inhibitors เจอชื่อนี้หลายคนคงบ่นว่าใครจะไปรู้จักยาแบบนี้ แต่หากยกตัวอย่างยาที่โด่งดังที่สุดในกลุ่มนี้ ทุกคนน่าจะร้องอ๋อ นั่นก็คือ ยาไวอากร้า นั่นเอง (Viagra เป็นชื่อทางการค้า, โดยชื่อสามัญของยาคือ Sildenafil) ที่จริงยาในกลุ่มนี้ยังมียาตัวอื่น ๆ อีกหลายตัวที่ออกฤทธิ์เหมือนกัน เช่น Vardenafil และ Tadalafil เป็นต้น แต่ความโด่งดัง คุ้นเคยของคนทั่วไปแพ้ไวอากร้าชนิดสู้กันไม่ได้เลยทีเดียว
ยาในกลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการเพิ่มการไหลของเลือดเข้าไปในองคชาต มีผลทำให้น้องชายแข็งตัวขึ้น!!! แต่สิ่งที่มักเข้าใจผิดมีดังนี้
1.กินไวอากร้าแล้วเพิ่มความต้องการทางเพศ จริงหรือ ?
คำตอบคือ “ไม่จริง” จะเห็นว่าจากฤทธิ์ของยา ตัวยาไม่ได้เพิ่มความต้องการทางเพศ เพียงแต่ช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว ดังนั้นจึงใช้ไม่ได้ในกรณีที่เจ้าตัวไม่ได้มีความต้องการทางเพศ รวมถึงใช้ไม่ได้ผลในกรณีของการหลั่งเร็ว ใช้ได้ผลเฉพาะแต่ในกรณีของ”นกเขาไม่ขัน” เท่านั้น แต่ในชีวิตจริงพบว่าหลายครั้งที่มีคนไปซื้อยามากินเพราะเข้าใจผิดคิดว่ายานี้แก้มันได้ทุกอย่าง
2.ถ้าใช้ไวอากร้าในผู้หญิงจะเป็นยังไง ? เสียวนานใช่หรือเปล่า
คำตอบ พบยามีผลเพิ่มการหล่อลื่นในช่องคลอดเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความต้องการทางเพศเช่นกัน
ผลข้างเคียงของยาไวอากร้า
1.ผลข้างเคียงทางตา ทำให้มองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นสีเขียว สีฟ้า ไปทุกอย่าง หรือทำให้ตาบอดถาวรได้
2.ปวดศรีษะรุนแรง
3.หัวใจเต้นผิดจังหวะ
4. อาการเจ็บปวดที่อวัยวะเพศ
6.อาการความดนัโลหติสูง
7. อาการข้างเคียง อื่นๆ ปัสสาวะขัดหรืออาจท าให้เกิดทางเดินปัสสาวะอักเสบได้เลย หน้ามืด เหมือนจะเป็ นลม หรือคลื่นไส้อาเจียน ตาพร่ามัวได้
ข้อห้ามใช้อันตรายมากหากฝืน
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากเอาเตือน เพราะเวลาซื้อตามเวป ส่วนใหญ่จะไม่ได้บอกว่าห้ามใช้กรณีไหนซึ่งอันตรายมาก ยาไวอากร้าห้ามใช้เด็ดขาดในผู้ป่วยที่ใช้ยากลุ่มไนเตรท (organic nitrates) เช่น ยา Isordil (ยาโรคหัวใจ) เพราะยาจะมีปฏิกิริยาต่อกันทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำอย่างรุนแรงจนอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ รวมถึงต้องระวังในผู้ที่ใช้ยาลดความดันตัวอื่น รวมถึงผู้ป่วยโรคหัวใจและผู้ที่เป็นโรคตับรุนแรงด้วยผลข้างเคียงของยาไวอากร้ามีอะไรได้บ้าง ที่พบได้บ่อยได้แก่ ปวดหัว หน้าแดง ปวดท้อง รู้อย่างนี้แล้ว คุณผู้ชายทั้งหลายโปรดใช้อย่างระมัดระวังและเข้าใจเสียใหม่นะคะ
ขอบคุณที่มาจาก mamaexpert
การค้นพบครั้งใหญ่ที่เกิดจากความบังเอิญซึ่งนำไปสู่การคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ยอดนิยมหลายประเภท
การค้นพบครั้งใหญ่ที่เกิดจากความบังเอิญซึ่งนำไปสู่การคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ยอดนิยมหลายประเภท
มีผลิตภัณฑ์มากมายที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้ แต่กลับกลายเป็นการค้นพบครั้งใหญ่สร้างกำไรมากมายให้ผู้ที่บังเอิญค้นพบผลิตภัณฑ์นั้น
- เตาอบไมโครเวฟ – ย้อนไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน คุณ Percy Spencer วิศวกรบริษัท Raytheon ทดลองอุปกรณ์ชนิดหนึ่งเรียกว่า Magnetron ที่ใช้ในระบบเรดาร์ทางการทหาร เขาพบว่าขนมในกระเป๋าเสื้อละลายเมื่อเข้าใกล้อุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่ารังสีที่ออกมาจาก Magnetron คือสาเหตุที่ทำให้ขนมร้อน นำไปสู่แนวคิดสร้างเตาอบไมโครเวฟสำหรับทำความร้อนให้กับอาหาร กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีใช้เกือบทุกครัวเรือนในปัจจุบัน
- แผ่นข้าวโพดอบแห้งหรือ Cornflake – Dr. John Harvey Kellogg ผู้ยึดมั่นกับการไม่ทานเนื้อสัตว์พยายามหาทางทำให้อาหารประเภทผักดูน่ากิน อร่อยและราคาถูก วันหนึ่งเขาปล่อยให้ข้าวสาลีที่ต้มไว้แห้งเหือดเกรอะกรัง เขากับน้องชายจึงพยายามทำให้ข้าวสาลีนั้นกลับมาทานได้อีกโดยผสมรวมกับแป้ง ตัดเป็นท่อนๆจากนั้นนำไปทอดจนกรอบ พบว่านอกจากทานได้แล้วยังอร่อยถูกปาก ต่อมาคุณ Kellogg ได้เปลี่ยนจากข้าวสาลีเป็นข้าวโพด กลายเป็นอร่อยกว่าเดิมจึงได้เริ่มนำออกแจกจ่ายและขายจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติอาหารเช้าของผู้คนทั่วโลก
- สารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียม – เมื่อ 132 ปีที่แล้วนักเคมีผู้หนึ่งชื่อ Constantine Fahlberg ทำงานกับน้ำมันถ่านหินทั้งวันและกลับบ้านทานอาหารค่ำโดยลืมล้างมือก่อน ขณะทานอาหารเขาสังเกตุว่ามือที่มีแต่คราบสกปรกนั้นหยิบจับอะไรเข้าปากก็หวานไปหมด จึงเกิดความคิดว่าเป็นเพราะสารเคมีตกค้างที่ติดกับมือแน่ๆที่ทำให้อาหารหวานเช่นนั้น นำไปสู่การคิดค้นสารให้ความหวานหรือน้ำตาลเทียม โดยบริษัทที่ผลิตน้ำตาลเทียมสำเร็จเจ้าแรกคือ Monsanto ภายใต้ชื่อ NutraSweet
- ยารักษาผมร่วง Minoxidil – ยารักษาผมร่วงยี่ห้อ Rogaine ของบริษัท Johnson & Johnson เกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของการกินยาลดความดันเลือด Loniten ซึ่งทำให้ผู้ป่วยผมดกดำ จึงทำให้เกิดการพัฒนาเป็นยารักษาผมร่วงยอดนิยม
- ยา Viagra – เกิดจากผลข้างเคียงของการกินยาลดอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โดยบริษัท Pfizer ทดสอบยารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันกลับผู้ป่วยแต่ล้มเหลว แต่กลับเกิดผลข้างเคียงบางอย่างกับผู้ป่วยขึ้นแทน นำไปสู่การพัฒนายาไวอะกร้าในที่สุด
ขอบคุณที่มาจาก voathai
ไวอากร้า(Viagra) ยาปลุกเซ็กส์สำหรับท่านชาย
ไวอากร้า-ยาปลุกเซ็กส์ชาย
ไวอากร้า(Viagra) ยาปลุกเซ็กส์สำหรับท่านชาย
สามารถออกฤิทธิ์ได้นานถึง 4 ชั่วโมง มีขนาดความแรง 3 ขนาด คือ 25 , 50 และ 100 mg ขนาดยาที่แนะนำให้ใช้คือ 50 mg รับประทานเพื่อปลุกเซ็กส์ก่อนมี SEX ประมาณ 1 ชม. อาจเพิ่มขนาดยา เป็น 100 mg.หรือลดลงเป็น 25 mg. ขึ้นกับประสิทธิผลและการทนทานต่อผลข้างเคียงของยาปลุกเซ็ก ขนาดสูงสุดที่แนะนำ คือ 100 mg หากใช้ยาไวอกร้าในขนาดสูงเกินไป ผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้น หากใช้ยาไวอากร้าในขนาดต่ำเกินไปจะไม่ได้ผล การดูดซึมของยาปลุกเซ็กส์นี้ถูกรบกวนโดยอาหาร ควรรับประทานยาไวอากร้า ในขณะท้องว่างได้แก่ ก่อนอาหารประมาณ 30 นาที หรือหลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งในกรณีนี้ ยาปลุกเซ็กชายจะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์
คำเตือนและข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาปลุกเซ็กส์ในกลุ่ม Viagra และCialis
– ยาปลุกเซ็กนี้จะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อ มีการหลั่งสารไซคลิกจีเอ็มพีแล้ว หมายความว่า ต้องมีการกระตุ้นทางเพศ และผู้ใช้ยาปลุกเซ็กส์ต้องมีความต้องการทางเพศเกิดขึ้นด้วยยาปลุกอารมณ์นี้จึงจะเข้ามาช่วยคงสภาพการแข็งตัวในผู้ที่มีปัญหา ดังนั้นยาไวอากร้านี้จะไม่ช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศ หรือทำให้พลังทางเพศเพิ่มสูงขึ้น และไม่ช่วยให้ร่วมเพศได้นานขึ้น หรือบ่อยครั้งขึ้น
– ห้ามใช้ในเด็กและสตรี
– ผู้ที่จะได้รับยาไวอากร้า ควรได้รับการซักประวัติและตรวจร่างกายจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์เลือกวิธีการ รักษาที่เหมาะสม ตลอดจนเป็นการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการใช้ยาปลุกเซ็กส์
และอันตรายอันอาจ เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในผู้ป่วยบางประเภท เช่นผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ เป็นต้น
– ความถี่ในการรับประทานยาปลุกเซ็กส์สูงสุดไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน
ขอบคุณที่มาจาก maxforsex
Viagra หรือ Cialis: ผงดิบที่ดีกว่าคืออะไร?
Viagra หรือ Cialis: ผงดิบที่ดีกว่าคืออะไร?
อะไรคือสิ่งที่ดีกว่า Viagra หรือ Cialis?
ดูเหมือนจะให้ประโยชน์มากกว่า สำหรับคุณลักษณะที่พึงปรารถนามากที่สุดสำหรับยาหย่อนสมรรถภาพทางเพศรวมถึงระยะเวลาการดำเนินการการเริ่มมีอาการและผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม Viagra มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเป็นยาทั่วไป Sildenafil
Cialis ผงดิบคืออะไร?
Cialis เป็นชื่อแบรนด์ของยา ซึ่งล่าสุดได้กลายเป็นทางเลือกที่นิยมในหมู่ผู้ที่มองหาการรักษาความผิดปกติของการแข็งตัวของอวัยวะเพศที่มีประสิทธิภาพและยาวนาน Cialis Daily เป็นยาเม็ดที่มีปริมาณต่ำซึ่งจะถูกนำมาใช้วันละครั้งและช่วยให้คุณสามารถลุกได้ทุกเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน Cialis 36 ชั่วโมงใช้เวลา 15-20 นาทีก่อนเพศและทำงานได้นานถึง 36 ชั่วโมง
Viagra คืออะไร?
Viagra เป็นวิธีการรักษาที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับความผิดปกติของระบบประสาทและได้รับอนุญาตให้ใช้งานมานานกว่า 15 ปี ผู้คนนับล้านทั่วโลกได้พบว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก ตั้งแต่ 2013 Viagra มีให้บริการเป็นยาทั่วไปที่เรียกว่า . เป็นผลให้ราคาของ Sildenafil ลดลงอย่างมาก
Cialis และ Viagra ทำงานอย่างไร?
Cialis เช่น Viagra (Sildenafil) เป็นสิ่งที่เรียกว่าตัวยับยั้ง PDE-5 เมื่อกระตุ้นทางเพศระดับ PDE-5 ของยารักษาสภาพกล้ามเนื้อที่ผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชายเพื่ออำนวยความสะดวกในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ สารยับยั้ง PDE-5 ไม่เพิ่มความสนใจหรือความต้องการทางเพศและใช้เฉพาะในการรักษาปัญหาทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาท
Cialis ทำงานได้เร็วกว่า Viagra หรือไม่?
แม้ว่า Cialis จะมีการโจมตีอย่างรวดเร็ว Cialis ทำงานได้เร็วกว่า Viagra เล็กน้อยเล็กน้อย ขณะที่ Viagra ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที Cialis สามารถทำงานได้ใน 15-20 นาที นอกจากนี้ Cialis ยังมีบริการเป็น Cialis Daily ซึ่งจะถูกนำมาใช้วันละครั้งและจะช่วยให้คุณสามารถสร้างอวัยวะเพศได้ตลอดเวลาตลอดทั้งวัน ผู้ชนะ: Cialis
Cialis มีอายุการใช้งานนานกว่า Viagra หรือไม่?
Cialis มีอายุใช้งานนานกว่า Viagra และสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 36 ชั่วโมง นี้ได้รับมันชื่อเสียงของ “ยาวันหยุดสุดสัปดาห์” นี่เป็นประโยชน์กับคุณเพราะคุณไม่จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้ได้ใกล้เคียงกับกิจกรรมทางเพศที่คาดไว้ แต่สามารถใช้ประโยชน์ได้ถึง 12 และใช้เวลา 36 ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับ ผู้ชนะ: Cialis
Viagra มีประสิทธิภาพมากกว่า Cialis หรือไม่?
ยาทั้งสองมีอัตราความสำเร็จสูงช่วยให้ผู้ชายส่วนใหญ่สามารถควบคุมการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ ในการทดลองทางคลินิกสำหรับ Viagra Viagra 100mg มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยจำนวน 82% ในข้อมูลการทดลองทางคลินิกสำหรับ Cialis พบว่าร้อยละ 81 ของผู้ป่วยพบว่า Cialis ช่วยให้อาการดีขึ้น ข้อมูลการทดลองทางคลินิกระบุว่าทั้งสองอย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างทั้งสองยา ผู้ชนะ: วาด
Cialis มีผลข้างเคียงน้อยกว่า Viagra หรือไม่?
เนื่องจากยาเสพติดทั้งสองทำงานในลักษณะเดียวกันพวกเขามีส่วนร่วมหลายผลข้างเคียงเดียวกัน ซึ่งรวมถึงการล้างหน้าปวดหัวและไม่ย่อย อย่างไรก็ตาม Viagra ยังมีผลกระทบอื่น ๆ อีกซึ่งดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Cialis ในลักษณะเดียวกันเช่นการผื่นแดงการมองเห็นและการท้องร่วง อาการปวดศีรษะเกิดขึ้นได้บ่อยกว่ากับ Viagra แต่อาจใช้เวลานานกว่ากับ Cialis หากสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อคุณหลังจากใช้ Viagra ยา Cialis อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ผู้ชนะ: Cialis
สรุป: ดีกว่า – vs ?
ผงดิเอตัสเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ผง Cialis ดิบดูเหมือนจะให้ประโยชน์มากกว่า Viagra สำหรับคุณลักษณะที่พึงปรารถนาที่สุดสำหรับยาหย่อนสมรรถภาพทางเพศรวมถึงระยะเวลาการดำเนินการการเริ่มมีอาการและผลข้างเคียง อย่างไรก็ตาม Viagra มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเป็นยาทั่วไป Sildenafil เราสรุปได้ว่าถ้าค่าใช้จ่ายไม่ได้เป็นปัจจัย Cialis ผงดิบเป็นวิธีที่ดีกว่าสำหรับความผิดปกติลุก
ขอบคุณที่มาจาก aasraw
รู้จัก ‘ไวอากร้า’ แต่ละชนิดก่อนเสริมทัพจัดหนัก
รู้จัก ‘ไวอากร้า’ แต่ละชนิดก่อนเสริมทัพจัดหนัก
- กลไกของยาไวอากร้านั้นเกิดจากการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยอาศัยสารไนตริก ออกไซด์ ขยายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง คงความแข็งตัวของอวัยวะเพศด้วยสารจีเอ็มพี (Cyclic Guanosine Monophosphate)
- สำหรับผู้หญิงที่มีความผิดปกติทางเพศ และอยากใช้ยาไวอากร้าของเพศหญิง งานวิจัยพบว่า การใช้ยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 ไม่ได้ผลชัดเจน เพราะไม่เพิ่มความต้องการทางเพศ
- กระนั้นในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ถึงจุดสุดยอดจากการใช้ยารักษาภาวะซึมเศร้ากลุ่ม SSRI เมื่อใช้ไวอากร้ากลับทำให้ถึงจุดสุดยอดและมีความสุขมากขึ้น
ได้ยินเรื่องของไวอากร้ากันมานานแสนนาน โด่ไม่รู้ลม หลายขนานมีมากมายในตลาด แต่รู้ไหมว่า ‘ไวอากร้า’ (Viagra) คืออะไร และในยุคปัจจุบันมียาอะไรที่อยู่ในหมวดของไวอากร้าที่ถูกกฎหมายบ้าง ไปทำความเข้าใจและรู้จักไวอากร้ากันดีกว่า
ในบรรดาความผิดปกติทางเพศของฝ่ายชาย (Sexual Dysfunction) อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรืออีดี (Erectile Dysfunction) เป็นภาวะที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉลี่ยพบร้อยละ 16 ในชายอายุต่ำกว่า 30 ปี และ 50-59 ปี พบร้อยละ 7 และ 18 เพิ่มเป็นร้อยละ 37 เมื่ออายุ 70-75 ปี
ขณะที่ความต้องการทางเพศลด (Decreased Libido) โดยมีการพบว่าร้อยละ 5-15 การหลั่งผิดปกติ เช่น หลั่งเร็วหรือหลั่งช้า พบร้อยละ 4 โดยร้อยละ 30 จะมีอีดีร่วมด้วย ซึ่งอีดีนั้น นอกจากรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และแก้ไขสาเหตุแล้ว ยาที่แนะนำรักษาเป็นอันดับหนึ่ง (First line drug) คือ ยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 (Phosphodiesterase-5 inhibitors) รู้จักกันดีในนามของ ‘ไวอากร้า’ ซึ่งเป็นชื่อยายี่ห้อหนึ่งนั่นเองค่ะ
กลไกของไวอากร้านั้นเกิดเนื่องจากการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย โดยอาศัยสารไนตริก ออกไซด์ ขยายเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยง คงความแข็งตัวของอวัยวะเพศด้วยสารจีเอ็มพี (Cyclic Guanosine Monophosphate)
ซึ่งฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 ทำลายสารจีเอ็มพี จึงทำให้อวัยวะเพศอ่อนตัวลง ส่วนไวอากร้านั้นเป็นยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 เมื่อจีเอ็มพีไม่ถูกทำลาย อวัยวะเพศจึงคงแข็งตัวนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม การแข็งตัวตอนแรกหาใช่ว่านกเขาขันแล้วสามารถลุยศึกได้เลยเสียเมื่อไร อย่าเข้าใจผิด เพราะต้องอาศัยการเล้าโลม และบรรยากาศที่เหมาะสมเช่นกัน
ชนิดของยาปลุกความคึก (หรือยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5) ที่มีจำหน่ายในตลาดมี 4 ชนิดดังนี้
1. Sildenafil ชื่อการค้าคือไวอากร้า (Viagra)
ข้อดี: ใช้มานาน จึงทราบผลดีผลเสียมากสุด ใช้ได้ผลร้อยละ 57 ขณะยาหลอกได้ผล ร้อยละ 21 สามารถเพิ่มอารมณ์ทางเพศได้ด้วย
ข้อเสีย: ต้องกินก่อนมีเพศสัมพันธ์ 1 ชั่วโมง กินตอนท้องว่าง ดังนั้นต้องเป็นเพศสัมพันธ์ที่วางแผน มีระยะเวลาออกฤทธิ์สั้น 4 ชั่วโมง เป็นยี่ห้อเดียวที่มีผลต่อจอตา (Retina) โดยร้อยละ 3 จะเห็นทุกอย่างกลายเป็นสีฟ้า แต่หายเองภายใน 2-3 ชั่วโมง
2. Vardenafil ชื่อการค้าคือ เลวิตร้า (Levitra) ใช้ได้ผลเมื่อเทียบกับยาหลอก ร้อยละ 65-80 /50
ข้อดี: ระยะเวลาออกฤทธิ์เท่ากับไวอากร้า แต่ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า 1 ชั่วโมง เพราะสร้างเป็นแบบละลายในปาก ได้ผลดีต้องกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที
3. Tadalafil ชื่อการค้าคือ เซียลิส (Cialis) ชื่อเล่นว่ายาวันหยุด (Holiday pill) ใช้ได้ผลเมื่อเทียบกับยาหลอก ร้อยละ 45-50 /13
ข้อดี: เป็นที่นิยม เพราะออกฤทธิ์ยาวถึง 24 ชั่วโมง โดยเริ่ม 1 ชั่วโมงหลังกิน
4. Avanafil ชื่อการค้าคือสเตนดร้า (Stendra) เป็นยาตัวใหม่ ที่ได้รับการรับรองจากอเมริกาและยุโรป
ข้อเสีย: ระยะเวลาออกฤทธิ์สั้นเท่ากับไวอากร้า แต่เป็นยาตัวเดียวที่ออกฤทธิ์ได้เร็วภายใน 15 นาทีหลังกินยา ยานี้ไม่เกี่ยวกับอาหาร กินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
ข้อเสีย: มีข้อห้ามคือยานี้ห้ามใช้ในคนที่กินยาไนเตรท เพราะจะเกิดความดันโลหิตต่ำจนเสียชีวิตได้ หากใช้ต้องหยุดยา 24-48 ชั่วโมงก่อนใช้ ส่วนผลข้างเคียงที่พบบ่อย เกิดจากอาการของเส้นเลือดขยายทั่วร่างกาย หน้าแดง ร้อนวูบวาบ ปวดหัว คลื่นไส้ คัดจมูก
ทั้งนี้ยาทั้ง 4 ชนิดข้างต้นมีผลข้างเคียงคล้ายกัน
ผู้หญิงใช้ยาไวอากร้าได้ไหม
สำหรับผู้หญิงที่มีความผิดปกติทางเพศ งานวิจัยพบว่า การใช้ยาห้ามฮอร์โมนฟอสโฟไดเอสเทอเรส 5 ไม่ได้ผลชัดเจน ไม่เพิ่มความต้องการทางเพศ แต่ได้ผลในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ถึงจุดสุดยอดจากการใช้ยารักษาภาวะซึมเศร้ากลุ่ม SSRI คนกลุ่มนี้รายงานว่าการใช้ไวอากร้าทำให้ถึงจุดสุดยอดและมีความสุขมากขึ้น
ขอบคุณที่มาจาก thestandard
Viagra vs. Sidegra ยารักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ต่างกันอย่างไร?
![]() #Viagra vs. #Sidegra #viagraคือยาอะไร?? Viagra® จริงๆแล้วเป็นชื่อการค้าของบริษัท ไฟเซอร์มีชื่อสามัญทางยาว่า Sildenafil (ซิลเดนาฟิล) ใช้รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรืออีดี (Erectile Dysfunction) โดยยาจะไปออกฤทธิ์กักเลือดที่ไหลไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายให้อยู่ที่บริเวณ ช่วยคงสภาพการขยายตัวของหลอดเลือดในอวัยวะเพศชายให้ขยายตัวอยู่นานเพียงพอสำหรับการร่วมเพศ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวนานขึ้น การขยายตัวของหลอดเลือดในอวัยวะเพศชาย เป็นผลมาจากการกระตุ้นที่ผนังหลอดเลือดด้วยสารเคมีชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นชื่อ ไซคลิก-จีเอ็มพี (C-GMP) สารนี้จะถูกสร้างขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดง แล้วจะถูกทำลายลง มิฉะนั้น จะทำให้เกิดปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศที่ไม่ยอมคลายตัว ทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก สารที่ทำหน้าที่ทำลายมีคุณสมบัติเป็นเอนไซม์ มีชื่อว่า ฟอสโฟ ไดเอสเตอเรส-5 ซึ่งยา Viagra® จะออกฤทธิ์โดยการขัดขวางการทำงานของเอนไซม์นี้ ดังนั้น ไซคลิก-จีเอ็มพี จะถูกทำลายน้อยลง ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวอยู่ได้ต่อไป สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว สารทั้งสองจะทำงานเป็นไปอย่างสมดุล ทำให้การแข็งตัวเกิดขึ้นนานเพียงพอสำหรับการร่วมเพศ แต่ในผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ความสมดุลนี้จะเสียไป ทำให้ยา Viagra® เข้ามามีบทบาทแก้ปัญหาดังกล่าว #viagraใช้อย่างไรให้ปลอดภัย? ดังได้กล่าวมาแล้ว ว่ายานี้จะออกฤทธิ์ต่อเมื่อมีการหลั่งสาร ไซคลิก-จีเอ็มพี หมายถึงว่า ต้องมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้นก่อน และต้องมีความต้องการทางเพศเกิดขึ้นด้วย และยาจะเข้ามาช่วยคงสภาพให้การแข็งตัวเพียงพอปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ดังนั้น ยานี้จะไม่ช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศ ไม่ช่วยทำให้พลังทางเพศเพิ่มสูงขึ้น และไม่ช่วยให้ร่วมเพศได้นานขึ้น เพราะฉะนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาคือ 25-100 มิลลิกรัม รับประทาน 1 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง อาการข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ปวดศีรษะ, หน้าแดง, ร้อนวูบวาบ, คลื่นไส้, ตาพร่ามัว หรือมองเห็นแสงสีฟ้าสีเขียว หรือ อวัยวะเพศแข็งตัวนานเกินไป #Sidegraคือยาอะไร? #viagra_และ_sidegra_เป็นยาควบคุมพิเศษ ยาชนิดนี้แพทย์ต้องออกใบสั่งยาให้แล้วจึงนำไปซื้อที่ร้านยาที่ได้รับอนุญาตให้ขายได้ครับ หรือไม่แน่ใจอะไร แวะไปขอคำปรึกษาจากเภสัชกรใจดี ที่ร้านยาใกล้ๆบ้านคุณได้เลยนะครับ
ขอบคุุณที่มา |
มารู้จักยาไวอากร้า (Viagra®) เป็นอย่างไรมารู้จักกันเถอะ….??
สาเหตุของการเกิดภาวะ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สภาวะโรคต่าง ๆ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ปัญหาทางอารมณ์ การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า หรือจากยาบางตัวบางกลุ่ม
เมื่อเกิดภาวะดังกล่าว หลายท่านคงนึกถึงยาในฝันยา นั่นคือ ไวอากร้า (Viagra®) ซึ่งคิดว่าจะช่วยให้น้องชายพร้อมออกศึกได้ โดยไม่คำนึงว่าจะมีอารมณ์ทางเพศหรือไม่ก็ตาม แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น หากไม่มีการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ยาในฝันของท่านก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะกลไกของยาไม่ได้ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้อย่างเต็มที่
.jpg)
ดังได้กล่าวมาแล้ว ว่ายานี้จะออกฤทธิ์ต่อเมื่อมีการหลั่งสาร ไซคลิก-จีเอ็มพี หมายถึงว่า ต้องมีการกระตุ้นทางเพศเกิดขึ้นก่อน และต้องมีความต้องการทางเพศเกิดขึ้นด้วย และยาจะเข้ามาช่วยคงสภาพให้การแข็งตัวเพียงพอปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ดังนั้น ยานี้จะไม่ช่วยปลุกอารมณ์ทางเพศ ไม่ช่วยทำให้พลังทางเพศเพิ่มสูงขึ้น และไม่ช่วยให้ร่วมเพศได้นานขึ้น เพราะฉะนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาคือ 25-100 มิลลิกรัม รับประทาน 1 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง อาการข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ปวดศีรษะ, หน้าแดง, ร้อนวูบวาบ, คลื่นไส้, ตาพร่ามัว หรือมองเห็นแสงสีฟ้าสีเขียว หรือ อวัยวะเพศแข็งตัวนานเกินไป
ห้ามใช้ยา Viagra® ร่วมกับ ยารักษาโรคหัวใจกลุ่มไนเตรต เช่น Isordil (ไอซอร์ดิล) Nitroglycerin (ไนโตรกลีเซอรีน) เนื่องจากจะเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงมาก จนอาจช็อคและเสียชีวิตได้
ซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ไวอากร้า (Viagra)
ยาซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ถูกสังเคราะห์และมีการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ ทางการแพทย์นำมาใช้ด้วยวัตถุประสงค์รักษาโรคความดันโลหิตสูง และอาการเจ็บหน้าอกด้วยเหตุเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด) จากนั้นมีผลการทดลองทางคลินิกพบว่า ซิลเดนาฟิลมีฤทธิ์บำบัดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ (นกเขาไม่ขัน) ทางบริษัทยาจึงมุ่งทำการตลาดเรื่องอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ ในไม่ช้ายอดขายได้พุ่งขึ้นเป็นจำนวนมากกว่าหนึ่งพันเก้าร้อยล้านดอลล่าร์ภายในปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) บางประเทศในแถบเอเชียได้แอบผสมซิลเดนาฟิลลงในกาแฟเพื่อวัตถุประสงค์ทำยอดขาย แต่ก็ไม่พ้นกฎหมายลงโทษในที่สุด
หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยจะรู้จักซิลเดนาฟิลในยาชื่อการค้าว่า “ไวอากร้า (Viagra)” และบริษัทยาที่เป็นผู้ผลิตเดียวกันก็ได้ขึ้นทะเบียนยาซิลเดนาฟิลในขนาด 20 มิลลิกรัม/เม็ด เพื่อ รองรับวัตถุประสงค์การรักษาความดันโลหิตสูงของหลอดเลือดแดงภายในปอด โดยใช้ชื่อยาทางการค้าว่า “Revatio” ประเทศไทยของเรายังมีการจำหน่ายยาซิลเดนาฟิลอีกหลายชื่อการค้าดังจะได้กล่าวในหัวข้อ ยาชื่อการค้าอื่นๆ
การศึกษาด้านเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic, การศึกษาความเป็นไปของยา เมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย) ของยานี้พบว่า ซิลเดนาฟิลสามารถดูดซึมจากทางเดินอาหารประมาณ 40% จากนั้นจะเข้าจับพลาสมาโปรตีนประมาณ 96% ตับจะเป็นอวัยวะหลักที่คอยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยาซิลเดนาฟิล ร่างกายต้องใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมงในการกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือด 50% ยาซิลเดนาฟิลส่วนใหญ่จะถูกขับออกมากับอุจจาระและบางส่วนถูกขับออกทางไต
อนึ่ง ตามกฏหมายไทยยานี้ถูกจัดอยู่ในหมวดยาควบคุมพิเศษ ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น ไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป
ยาซิลเดนาฟิลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

ยาซิลเดนาฟิลมีสรรพคุณดังนี้
- รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ (นกเขาไม่ขัน)
- รักษาความดันโลหิตภายในหลอดเลือดแดงของปอดสูง (Pulmonary arterial hypertension)
ยาซิลเดนาฟิลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของซิลเดนาฟิลคือ ตัวยาจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อว่า Phosphodiesterase type-5 (PDE5) ทำให้เกิดการเพิ่มของสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า cGMP (Cyclic guanosine monophosphate, สารที่เกี่ยวข้องกับการทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว) ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบของผนังหลอดเลือดแดงเกิดการคลายตัว ทำให้เลือดไหลเข้าไปหล่อเลี้ยงองคชาตของบุรุษได้มากขึ้น รวมถึงเกิดการลดความดันโลหิตภายในปอด จึงเกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
ยาซิลเดนาฟิลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาซิลเดนาฟิลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็น ยาเม็ดขนาด 20, 50, และ 100 มิลลิกรัม/เม็ด
ยาซิลเดนาฟิลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาซิลเดนาฟิลมีขนาดรับประทานดังนี้
ก. สำหรับการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของบุรุษ (รักษาอาการนกเขาไม่ขัน):
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 50 มิลลิกรัม ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 30 นาที – 4 ชั่วโมง ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 100 มิลลิกรัม
- สำหรับผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีที่มีค่าการทำงานของไต (Creatinine clearance) น้อยกว่า 30 มิลลิลิตร/นาที รับประทาน 25 มิลลิกรัมก่อนมีเพศสัมพันธ์, และที่มีภาวะตับทำงานผิดปกติรับประทาน 25 มิลลิกรัม
ข. สำหรับรักษาความดันโลหิตของหลอดเลือดแดงภายในปอดสูง (Pulmonary arterial hypertension):
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 20 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
- เด็ก: ยังไม่มีการศึกษาการใช้ยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาซิลเดนาฟิล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาซิลเดนาฟิลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาซิลเดนาฟิล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยาซิลเดนาฟิลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาซิลเดนาฟิลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น มีอาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย คัดจมูก หน้าแดง การมองเห็นภาพผิดปกติ ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยแต่อาจมีความรุนแรงมาก ได้แก่ มีภาวะความดันโลหิตต่ำ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ความดันในลูกตาสูง และสูญเสียการได้ยิน
มีข้อควรระวังการใช้ยาซิลเดนาฟิลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาซิลเดนาฟิลดังนี้
- ห้ามรับประทานยาซิลเดนาฟิลกับสารที่มีองค์ประกอบของไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide ) เช่น ไนไตรท์ (Nitrite) และไนเตรท (Nitrate) ซึ่งมีอยู่ในยาอื่น เช่น ยาขยายหลอดเลือด (เช่น Nitroglycerin, Sodium nitroprusside และ Amyl nitrite) เป็นต้น
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ชายที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับผิดปกติระยะรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตผิดปกติ
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่เพิ่งเกิดอาการหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจตีบตัน และยังอยู่ในช่วงการ ติดตามและเฝ้าระวังโรคจากแพทย์
- ยาซิลเดนาฟิลยังไม่มีการระบุข้อบ่งใช้ในสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงเด็ก ด้วยข้อมูลความปลอดภัยของยาต่อผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังไม่ทราบชัดเจน
- หากเกิดผลข้างเคียงที่ทำให้สูญเสียการได้ยิน ผู้ป่วยต้องหยุดการใช้ยาทันทีแล้วรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาซิลเดนาฟิลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาซิลเดนาฟิลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาซิลเดนาฟิลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นดังนี้
- การใช้ยาซิลเดนาฟิลร่วมกับยารักษาโรคกระเพาะอาหาร เช่น ไซเมทิดีน (Cimetidine) หรือยาที่ใช้รักษาอาการป่วยจากโรคติดเชื้อเอชไอวี เช่น ไรโทนาเวีย (Ritonavir) อาจทำให้ความเข้มข้นของซิลเดนาฟิลเพิ่มมากขึ้นจนอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาซิลเดนาฟิลร่วมกับยาลดความดันโลหิตกลุ่มแอลฟา บล็อกเกอร์ (Alpha-blocker) สามารถส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำได้ ควรเลี่ยงไม่ใช้ร่วมกันหรืออาจต้องปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยาซิลเดนาฟิลร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จะส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ ห้ามรับประทานยาซิลเดนาฟิลพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
ควรเก็บรักษายาซิลเดนาฟิลอย่างไร?
ควรเก็บยาซิลเดนาฟิลที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส (Celsius) เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
ยาซิลเดนาฟิลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาซิลเดนาฟิลที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Elonza (อีลอนซา) | Unison |
Revatio (เรวาทิโอ) | Pfizer |
Sidegra (ซิเดกร้า) | GPO |
Tonafil (โทนาฟิล) | T.O. Chemicals |
Viagra (ไวอากร้า) | Pfizer |
ขอบคุณที่มา haamor